วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

จะถึงเทศกาลรับปริญญาอีกแล้วนะ คิดถึงใช่รึเปล่า?

15 17 19 20 มีนาคม 2558 เค้าจะรับปริญญากันแล้วนะเออ เนี่ยแหละ เทศกาลรวมเพื่อนเลยแหละ จากคนที่ห่างหายกันไปเป็นปีก็จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เรื่องราวชีวิตวัยเรียนก็คงได้หยิบยกกันขึ้นมาสนทนากันในวงเหล้า

ไปกินข้าวร้านนี้ที่เคยไปกันบ่อยๆสมัยเรียน
วีรกรรมที่เคยทำกันไว้
แอบโดดเรียนมาดูดบุหรี่เวลาพักเบรก
คืนนี้ไปรำลึกความหลังกันที่ burdock
อาจารย์คนนั้น คนนี้เป็นไงบ้างวะ
ร้านนี้แม่มหายไปไหน เจ๊งแล้วเหรอวะ

1 ปี ผ่านไป บางแสนนี่คือโมดิฟายสัสๆ คือร้านเก่าแม่มหาย ร้านใหม่มาแทนที่ ตึกวิศวะก็ทำทางเข้าใหม่ ไอ้นู่นก็สร้างเสร็จแล้ว ไอ้นี่ก็สร้างเสร็จแล้ว ไอ้นู่นหาย ไอ้นี่ปรับปรุง ก็วนเวียนกันไปแบบนี้

นี่แหละนะ วัฎจักรของบางแสน แดน ม.บูรพา ใครแกร่งก็อยู่รอด ใครอ่อนก็ตายเรียบ

ร้านไหนบริการห่วย รสชาติแย่ก็เจ๊งกันไปตามระเบียบ หน้าใหม่ผุดขึ้นเป็นว่าเล่น ร้านค้าใหม่ๆมาแย่งกันเปิด มาแข่งกันขายทุกปี ร้านไหนอยู่นาน แปลว่ามันต้องอร่อยจริง มันต้องเด็ดจริง ไม่งั้นเก็บข้าวของกลับบ้านนอกกันไปนานแล้ว!!! ฮุฮุฮุ

......................
แล้วรับปริญญาปีนี้ก็เคยเหมือนเช่นเคย ช่วงนี้ก็เห็นบัณฑิตเริ่มเห่อ ใส่ชุดครุยเข้ามาถ่ายรูปนอกรอบในมอกันละ บางคนก็ขนข้าวของมาพักกันละ เรียกว่าหยุดงานมารำลึกความหลัง มาใช้ชีวิต มาเก็บบรรยากาศ เก็บความสุขกับความทรงจำเก่าๆ กับเพื่อนเก่าๆกันให้เต็มที่ .. เพราะโอกาสแบบนี้ ไม่มีอีกแล้ว

และถึงแม้สถานีต่อไป จะเป็นปริญญาโท .... แต่อารมณ์ตอนรับปริญญา เชื่อว่าร้อยทั้งร้อย ไม่ตื่นเต้นเท่าปริญญาตรีใบแรกแน่นอน มันตื่นเต้น มันสุขใจ มันคิดถึง สถานที่ ที่จากไปนานแล้ว

สถานที่ที่เราคุ้นเคย
สถานที่ที่เราอยู่มา 4 ปี
สถานที่ที่เรารู้ว่า ... ซอกซอยตรงไหน ทะลุถึงไหนได้บ้าง
สถานที่ที่เราพูดได้เต็มปากว่า เนี่ย .. บ้านเรา :)

หาดบางแสน
หาดวอน
แหลมทอง
เซเว่นที่แม่งมีทุก 100 เมตร
ตลาดวังมุก
วอล์กกิ้ง

หอประชุมธำรงบัวศรี


เอ้า ... กลับไปซึมซับความทรงจำกันให้เต็มที่ครับ

"ว่าที่บัณฑิต"



วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คำหยาบ กับชีวิตมหาลัย เป็นของคู่กัน


ย้อนความไปสมัยมัธยม เชื่อว่าหลายคนคงใสๆ เรียบร้อย แรดน้อยๆ ไม่ค่อยกล้าซอยผม หรือทำผิดกฎโรงเรียนแน่นอน เพราะกลัวโดนเรียกเข้าห้องปกครองใช้ไหมครับ? เหล้าเบียร์นี่อย่าให้พูดถึง แค่กิน Spy นี่ก็เมาแล้ว คออ่อนกันสุดๆ

คำหยาบนี่อย่างมากก็แค่ กู-มึง ไอ้บ้า แค่นี้ก็รู้สึกหยาบคายละ ทีนี้ครับ!!! พอขึ้นมหาลัยครับ!! เกิดการปฏิวัติตัวเองขนาดหนักครับ เรียนมหาลัย อยู่หอ กลางคืนคึก กลางวันหลับ กฎระเบียบหยุมหยิมอะไรนี่ไม่มีอีกละ อยากทำผม 78 สี ก็ทำไป จะซอยผมทรงไหนก็ไม่ต้องกลัวห้องปกครองอีกแล้ว 

เจอสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ๆ ผับ บาร์ ไม่ต้องพูดถึง เรียกว่าล้อมรอบมหาลัยเลยทีเดียว คำหยาบเริ่มกลายเป็นคำพูดติดปาก เช่น อีดอกกกก อีสัสสสส อีเหรี้ยยย เย็ดเข้ เย็ดครกนกเพนกวิ้น กลายเป็นคำอุทาน เผลอๆจะกลายเป็นคำชมของเพื่อนสนิทซะด้วยซ้ำ เช่น 

"แหม...วันนี้แต่งตัวสวยไปอ่อยผู้ชายเหรออิดอก"

"สัสเอ้ยย ลืมเอาตังมา มึงออกให้กูก่อนดิ"

"อีเหี้ยยย วันนี้งดคลาสทำไมไม่มีใครบอกกู!!"

เป็นต้น


ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

คำตอบง่ายๆครับ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการสนทนา เพิ่มอารมณ์ในการพูด จะให้มาพูดภาษาดอกไม้ โลกสวย มันก็คงไม่ใช่อ่ะเนอะ

ยกตัวอย่าง 2 ประโยคนี้ ลองเปรียบเทียบกันดู

"เกิดอะไรขึ้น วันนี้แต่งตัวสวยเชียวนะ"

กับ

"อีดอก นึกคึกอะไรขึ้นมา แต่งตัวซะแรด!!!"


ไงครับ แบบไหนมันส์กว่ากัน? ผมว่าอย่างหลังนะ!!! 
เพราะฉะนั้น คำหยาบในมหาลัย ถือเป็นเรื่องปกติมากครับ อิอิ

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การหาแฟนใน ม.บูรพา

การหาแฟนใน ม.บูรพา

เค้าว่ากันว่า สาวคณะมนุษย์สวยสุด 
สาวการจัดการและการท่องเที่ยวก็สูสี
ชายใดได้แฟนเป็นเด็กมนุษย์ถือเป็นนิพพาน

ในทางกลับกัน ผู้ชายทั้งสองคณะนี้มีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะหนักไปทางเกย์ซะมากกว่า ที่สำคัญ ตุ๊ด เกย์ กะเทย ก็หล่อ สวย หน้าตาดีกันทั้งนั้น บางคนมองเผินๆนี่ดูไม่ออกนะว่าเกย์หรือชายแท้ เพราะหล่อม๊ากกกกก แมนๆเตะบอลกันครับ!!! 

ส่วนหนุ่มๆที่สาวๆใฝ่ฝันคงหนีไม่พ้นหนุ่มวิศวะฯ เถื่อนๆ เท่ๆ แบ๊ดๆ ไลฟ์สไตล์แบบหนุ่มเจ้าชู้ เสื้อช็อปสุดเท่ เกียร์วิศวะอันสำคัญเปรียบดั่งหัวใจตัวเอง ที่ว่ากันว่า เด็กวิศวะจะมอบให้เพียงคนสำคัญเท่านั้น สาวใดได้ควงหนุ่มวิศวะถือเป็นนิพพาน

อีกคณะที่เคยได้ยินมาเหมือนกันว่ามีคนอยากกินเยอะ ดูเหมือนจะเป็นคณะซิกัม ติสท์ๆ แนวๆ นักดนตรี จิตรกร ช่างภาพ อันนี้ก็ไม่รู้สินะ  :p

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

อยู่บางแสน ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่องนะครัชชช

พอคนรู้จัก รู้ว่าอยู่บางแสน
พวกเขาชอบฝากซื้อข้าวหลาม ขนมจากที่หนองมน
แต่จริงๆแล้ว เราอยู่บางแสน
แต่ไม่เคยไปซื้อข้าวหลามที่หนองมนเลยสักครั้ง
เคยแต่ไปยืนรอรถกลับบ้าน
ไม่เคยไปไกลกว่าสะพานลอย และร้านขายยา


ข้าวหลามหนองมน
ข้าวหลามหนองมน


พอคนรู้จัก รู้ว่าอยู่บางแสน


พอเขาจะมาบางแสน
ก็จะให้เราพาเที่ยว
แต่จริงๆแล้ว เราอยู่บางแสน
เราก็ไปแค่แหลมทอง หาดวอน หน้ามอ สดใส
ไม่ได้ไปเกินกว่านั้นมากมายเท่าไหร่
อย่างมากดึกๆก็หนีไปผับ ดึ่งดึ้งกับเขาบ้าง
พอคนรู้จักรู้ว่าอยู่บางแสน
พวกเขาชอบคิดว่าเราเป็นแผนที่บางแสน
การให้คำตอบในบางพื้นที่ที่เราเข้าไม่ถึงไม่ได้
การเป็นคนบางแสนของเรา
จึงทำให้เรารู้สึกผิดเหลือเกิน
ถึงแม้เราจะไม่ได้รู้ทุกมุมของที่นี่
ไม่ได้ชิมทุกร้านอาหาร
และไม่รู้ว่าอาหารที่ไหนอร่อย
แต่เราก็มั่นใจ ว่าเราเป็นคนบางแสน

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

เรื่องบังเอิญในโรงหนัง

นั่งอ่านกระทู้ในพันทิพ แล้วเจอกระทู้นึง ที่ชายหนุ่มไปดูหนังเรื่องฮอบบิทคนเดียว แล้วพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไปดูเรื่องนี้คนเดียวเช่นกั

เขาเขียนกระทู้ถึงผู้หญิงคนนั้นว่า

ถึงคุณผู้หญิงที่นั่ง e13 โรง 3 THE HOBBIT 3D เซ็นทรัลลาดพร้าว รอบ18.20

เอ่อ ไม่รู้คุณจะเล่นพันทิปไหม
แต่คิดว่าคงเป็นทางเดียวที่จะมาบอกคุณได้ว่า
"ผมประทับใจคุณจุงเบยยย" อีโมติคอน smile

เรื่องของเรื่องคือวันนี้ผมไปดูหนังคนเดียวเป็นปกตินี่แหละ
พอเข้าโรงไปก็พบว่าเบาะข้างๆเป็นสาวท่านหนึ่ง
ในใจแอบคิดเสียมารยาทว่า ห่ะ?
ผู้หญิงมาดูฮอบบิทคนเดียวเนี่ยนะ
แปลกใจเล็กๆแต่ก็ไม่ได้อะไร
แต่ระหว่างที่ดูเนี่ยแหละคุณทำให้ผมประทับใจมากกับอารมณ์ร่วมของคุณ
รวมไปถึงตอนที่หนังจบคุณยังอยู่ฟังสกอร์ตอนเครดิต
(อารมณ์นั้นปลื้มมากฮะ นึกว่าจะมีเราทำแบบนี้ให้พนักงานเค้าแอบด่าใรใจอยู่คนเดียว)

ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
เหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ
แต่สำหรับผมการดูหนังรอบนี้มันรู้สึกคุ้มค่ามากๆกว่าปกติสุดๆ

ตอนออกจากโรงอยากเข้าไปทักมาก เสียดายไม่กล้า แฮะแฮะ

อัดอั้นมาก ได้ระบายสบายใจล่ะครับ อีโมติคอน smile
จากคุณ : [D]iffind[O]


หลังจากนั้นประมาณ 30 คอมเม้นต์

ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง โพสรูปตั๋วที่คุณกำลังเห็นอยู่

แล้วพิมพ์ว่า "ขอบคุณมากค่ะ"


เขิน.......

โลกนี้มันกว้าง แต่ก็ไม่ได้ใหญ่จนเกินกว่าจะเดินมาพบกัน

น่ารักมากๆครับ ลองเ้ข้าไปอ่านได้ที่
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A13089446/A13089446.html

หรือนี่จะเป็นเหตุผลหนึ่งที่น่ารักที่สุด สำหรับคุณผู้หญิงที่อยากไปดูหนังคนเดียว 

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

ไม่มีความรักในคลื่นความถี่

บทความยาว อ่านแล้วอาจทำให้หาวได้

"ไม่มีความรักในคลื่นความถี่"
อยู่บางแสน วิทยุชัดอยู่คลื่นเดียว ใครๆก็รู้
ต่อให้หมุนจนคลื่นไส้ก็ไม่มีคลื่นไหนชัดเท่าคลื่นนี้
การอยู่หอในสมัยปีหนึ่ง วิทยุถือว่ามีส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตที่นี่พอสมควร
ทีวีที่มีเพียงแค่ชั้นละเครื่อง บางหอก็หอละหนึ่งเครื่องถ้วน
ไม่ได้ช่วยเยียวยาความอยากดูโลกภายนอกของเด็กปีหนึ่งทั้งหมดได้
บางห้อง จึงมีวิทยุตัวเล็กๆ บ้างก็เป็นแฟลชไดร์ฟที่สามารถรับคลื่นความถี่
เอาไว้ฟังเพลงตอนกลางคืน ติดตัวไปตอนซักผ้า
บ้างใส่หูฟังตอนที่เพื่อนอยู่กันเต็มห้อง
สร้างความเป็นส่วนตัวขึ้นมาต่อหน้าที่สาธารณะ
ผมไม่ค่อยเชื่อว่ามีเด็กมอบูที่ไหนฟังคลื่นนี้เท่าไหร่นัก
เท่าที่ได้ยิน ก็มีแต่เซเว่น ร้านลูกเตี่ย ที่เปิดเพลงคลื่นนี้ให้ลูกค้าฟังอยู่บ่อยๆ
ซึ่งถือว่าเป็นการฟังที่ไม่ได้เกิดจากการเปิดฟังเอง
จนกระทั่งมีโอกาสได้ไปทำงานที่นั่น
สมัยที่เรียนอยู่
ไทม์ไลน์ชีวิตสองปีของผม วนเวียนอยู่ที่คลื่นความถี่นั้นพอสมควร
มีหัวหน้าใหญ่ใจดี แนะนำให้ไปเป็นดีเจเปิดเพลงให้เด็กบางแสนฟังอยู่วันละสี่ชั่วโมง
ตอนแรกไม่รู้หรอก ว่าชีวิตหลังคลื่นความถี่ มีคนนั่งฟังมากน้อยแค่ไหน
แต่พอได้ทำไปสักระยะ ก็มีเรื่องพอให้เล่าได้ว่าในคลื่นความถี่นั้น
มีเรื่องราวของเด็กมอบูซุกซ่อนอยู่มากมายแค่ไหน
ผมมักได้รับโทรศัพท์จากเด็กผู้หญิงหอ 15 หอ 50
โทรมาขอเพลงในยามที่พวกเธอกำลังวุ่นกับการอ่านหนังสือสอบ
มีเด็กผู้หญิงบ้านไกลบางคน อาศัยคลื่นความถี่นี้ โทรมาขอเพลง
เพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนในคืนที่เพื่อนทั้งห้องหนีกลับบ้าน ไม่มีใครอยู่กับเธอ
ช่วงที่ผมจัดดึก
มักมีเด็กผู้ชายวิศวะโทรเข้ามาขอเพลงหลังไมค์ให้ผู้หญิงคนนึงอยู่บ่อยๆ
หลังไมค์ เขาไม่ได้บอกผมว่าเธอเป็นใคร แต่ชอบเล่าให้ผมฟังว่า
เขาแอบชอบเธอ แต่ไม่กล้าบอก ทุกๆวันได้เจอกัน แซวกันพอหอมปากหอมคอ ส่งสายตาลับๆล่อๆให้กังวลใจเล่น
ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่โทรมาขอเพลงแล้วระบายให้ผมฟังอยู่ทุกวัน
เป็นเรื่องปกติที่มีหนุ่ม สาว ชาย หญิง โทรเข้าออกมาที่นี่
มีหลายรูปแบบ บางคนเป็นคนหนักแน่น
โทรมากี่รอบ ก็ขออยู่เพลงเดียว
ทั้งๆที่เพลงที่ขอ ก็เพิ่งจะเปิดไปเมื่อกี้
บางคนจิตใจดี
เห็นผมจัดรายการดึกๆ ก็มีการส่งข้าวส่งน้ำมาให้
ฝากพี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างมาส่ง
รุ่นน้องบางคนโทรมาขอเพลง บางคนรีบมาก รอไม่ไหว
ขี่มอเตอร์ไซค์มาหาถึงสถานี
ไม่เปิดให้ก็คงโดนซ้อมยับคาห้องส่ง
เท่าที่เจอมา คนฟังวิทยุเป็นคนใจร้อน
ขอปุ๊ปอยากให้ผมเปิดปั๊ป อารมณ์แบบกูเป็นเครื่องเล่นซีดีให้มึง
ผมพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะในฐานะคนของประชาชน
ได้แต่บอกว่า ถ้ารีบมาก เปิดเอ็มพีสาม ฟังเองเลยจ้ะ อีโมติคอน smile
บางคนโทรมาพร้อมกับน้ำตา
ถ้าไม่ได้เป็นคนจัดจริงๆ จะไม่เชื่อเลยว่า
มีเด็กมอบูร้องไห้โทรมาขอเพลง เพราะว่าแฟนตัวเองเพิ่งบอกเลิกไปตะกี้
ไอเราก็ลนลาน น้ำท่วมวิทยุ ทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้เตรียมตัวมาเป็นศิราณี
โอ๋ใครก็ไม่เป็น เพราะส่วนใหญ่เป็นพวกประเภทชอบซ้ำเติม
จนมีน้องผู้หญิงคนนึงที่โทรมาเล่าเรื่องชีวิตของเธออีกคนหนึ่ง
ผมไม่ได้สังเกตอะไร เพราะก็เป็นเรื่องราวกุ๊กกิ๊ก
แอบชอบรุ่นพี่ที่เรียนคณะเดียวกันทั่วไป โดนแซว โดนแกล้งเป็นปกติ
แต่มาเอะใจในวันสุดท้าย
ที่เธอโทรมาบอกว่ากำลังจะลาออกไปเรียนต่อที่อื่น
เธอโทรมาขอเพลงให้รุ่นพี่เธอคนนั้น ซึ่งไม่รู้ว่าทุกครั้งที่เปิดเพลงไป
เขาจะนั่งฟังอยู่ด้วยรึป่าว
สักพักไอเด็กวิศวะที่โทรมาขอเพลงให้สาวที่เล่าไปเมื่อต้นเรื่องก็โทรมา
บอกว่าขอเพลงให้สาวรุ่นน้องที่เธอหลงรัก
ที่ตอนนี้กำลังจะลาออกไปเรียนที่อื่น
เอ๊ะ ...
ทำไมมันคุ้นๆ เหมือนเดจาวู กูเคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อนรึป่าว
สาวไปสาวมา ปรากฏว่า เรื่องที่เด็กหญิงเล่าให้ฟัง
ก็คือไอหนุ่มวิศวะจอมกวน
ส่วนสาวรุ่นน้องที่มันหลงรัก
ก็เป็นเด็กหญิงคนเดียวกันกับคนที่โทรมาบอกลา
แล้วตลอดเวลาที่ขอเพลงให้กัน มึงเคยนั่งฟังพร้อมกันไหม ?
ผมไม่รู้
รู้แต่เพียงว่าวันสุดท้ายที่เธอโทรมา
เป็นวันเดียวที่เขาสองคนนั่งฟังวิทยุพร้อมกัน
ทุกครั้งที่เปิดวิทยุ
เพลงทุกเพลงที่เปิดมานั้น บางเพลงอาจเปิดเพราะการโฆษณา
เป็นช่วงที่ศิลปินกำลังมาแรง ไม่นานจะมาสัมภาษณ์ที่นี่
แต่บางเพลง ก็เป็นเพลงที่คุณขอมา
ให้กับอีกคนที่ไม่รู้ว่าฟังอยู่รึป่าว แต่นั่นไม่ได้สำคัญอะไร
เพราะแค่ได้ขอ ได้ฟังอยู่คนเดียว ก็ทำเอามีความสุขไปแล้ว
มีน้องคนนึงโทรมากลางดึก
เธอนอนฟังผมเปิดเพลงอยู่ที่โรงพยาบาลมหาลัย
พรุ่งนี้เธอต้องเข้าผ่าตัดช่องท้องที่ทำให้เธอต้องมานอนค้างที่นี่
เธอของเพลง รุ้ง ของพาราด็อกซ์ให้ผมให้เธอฟัง
"มองรุ้งทอแสงทอง ตัดเส้นขอบฟ้า เส้นทางฝันไม่ไกล"
เมโลดี้ไม่เศร้า แต่เนื้อเพลงเล่นเอาซึม
ผมเล่าเรื่องเธอให้คนอื่นฟังที่หน้าไมค์
ไม่นาน มีข้อความส่งเข้ามาที่สถานีนับร้อย
ใจความเดียวกัน ว่าขอเป็นกำลังใจให้เธอ
และขอให้การผ่าตัดพรุ่งนี้ ผ่านไปด้วยดี
การนั่งเปิดเพลงให้คนอื่นฟังที่นี่
ทำให้ผมรู้ว่า เหตุผลของการฟังเพลง
ไม่ได้มีแค่ อยากฟัง
เพราะทุกสายที่โทรเข้ามา มีเหตุผลแตกต่างกันออกไป
แต่เหตุผลหนึ่งที่ชัดเจนมีอยู่ว่า
"มันมีความรัก ซ่อนอยู่ในคลื่นความถี่"
ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้เรายังฟังวิทยุกันอยู่ไหม
เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะอยากฟังเพลงไหน you tube
หรือ mp3 ก็ตอบแทนความต้องการเราได้
แต่เชื่อผมมั้ย การที่เราไม่รู้ว่าเพลงต่อไปเป็นเพลงอะไร
หรือจู่ๆมันเป็นเพลงที่มีคนขอให้เรานั้น
มันมีอรรถรสกับแก้วหูมากกว่ายูทูปเป็นไหนๆ
ถึงแม้ว่าวิทยุบางแสนจะชัดอยู่คลื่นเดียว
มีเซเว่นเป็นกองหนุนเปิดให้เราฟังอยู่บ่อยๆ
แต่ผมก็เชื่อว่ายังมีเด็กหอบางคนเปิดฟัง
บางคนเปิดระหว่างขับรถ
และยังมีหนุ่มสาวที่หลงใหลการขอเพลงจีบกัน
เปิดมาฟังกันอยู่ไม่ขาดสาย
อาจจะไม่มากเหมือนเมื่อก่อน
แต่ก็คงไม่ได้หายจากกันไปไหน
ในวิทยุมีชีวิต
ไม่เชื่อลองเปิดฟังดูครับ

วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2558

วิธีดูว่าคนไหนคือเฟรชชี่

Freshy BUU



1. เฟรชชี่จะใส่ชุดนิสิตดูยังไม่พอดีกับตัว หลวมๆ คับๆ

2. โชว์หน้าสด ใสๆ บางคนมีแป้งบางๆ บางคนโบกแป้งหนากว่าตึกบางคณะ

3. มีผ้าพันคอหลากสี เป็นสัญลักษณ์คณะ บางคนใส่ผ้าพันคอลูกเสือ บางคนใส่ผ้าปักหมุดระยิบระยับ อยู่บนสะพานลอยยังดูออกว่าเอกอะไร

4. มีป้ายชื่อใหญ่เกือบบังทั้งหน้าได้ เขียนชื่อเรา + ชื่อสร้อย ที่ห้ามผวน

5. มีด้ายที่ข้อมือ กรณีพี่ๆรีบผูก

6. เดินเป็นกลุ่มใหญ่ บางทีมไปไหนมาไหนจะจูงมือเพื่อนในเอกไปด้วย พร้อมสวัสดีคนรอบตัว

7. งง เวลาคนพูดว่าไปสดใส

8. เดินเท้าเปล่า มือถือคัชชู

9. กินข้าวร้านป้าเอ็กซ์ 

10. ปั่นจักรยาน (ปัจจุบันไม่ค่อยมีแล้ว)

11. ผูกไทด์แปลกๆ

12. หวาดกลัว คนรอบข้างเปนพิเศษ เพราะต้องคอยไหว้รุ่นพี่ ลามไปถึงการไหว้เพื่อนรุ่นเดียวกัน

13. บางคนแต่งตัวถูกระเบียบเกินไป เหมือนออกมาจากแผ่นพับระเบียบมหาวิทยาลัย

14. เหมือนรุ่นพี่เอกอื่นทั่วไป มองไม่ออกว่าเป็นเฟรชชี่ เพราะเพิ่งซิ่วมา