วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เรื่องที่ไม่ต้องรู้ก็ได้ ฉบับมอบู บางแสน

เรื่องที่ไม่ต้องรู้ก็ได้ ฉบับมอบู บางแสน 




1. หลายคนไม่รู้ ว่ามอบู ตั้งอยู่ที่บางแสน
2. ในซอยสดใส มีบ้านหลังหนึ่ง ชื่อว่า บ้านสดใส ตั้งอยู่ด้วย
3. มหาวิทยาลัยบูรพามีวงเวียนทั้งสิ้น 4 วงเวียน แต่เราจะรู้สึกว่ามันมีมากกว่านั้น (และนึกว่ามันมีตรงไหนอีก)
4. ไม่มีใครรู้จำนวนลูกระนาดในมอ เพราะส่วนใหญ่จะขับรถล้มก่อนที่จะนับเสร็จ
5. คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาเคยมีวิชาวินเซิร์ฟ ไปเรียนที่หาดบางแสน
6. เซเว่นมอบู ปิด 4 ทุ่ม
7. หอสมุดมอบู กับหอสมุดมศว.องครักษ์ รูปทรงอาคารเหมือนกันเด้ะ
8. เชื่อกันว่าใครเห็นเต่าที่สระน้ำหน้าตึกศึกษาเก่า จะเรียนไม่จบ
9. มอบูมี istudio เปิดแล้ว ที่ตรงโรงแรมเทาทอง แต่มีคนซื้อรึป่าว อันนี้ไม่รู้
10. บุญยังเลิศรส เคยเป็นร้านอาหารตามสั่ง ก่อนจะเป็นร้านขายชาเขียวในปัจจุบัน
11. รถแดงบางแสน อารมณ์เดียวกับแท็กซี่กรุงเทพ ถามเขาดีๆ เพราะบางทีเขาอาจไม่ไป
12. ทุกครั้งที่ลืมใส่หมวกกันน็อค ตำรวจจะรออยู่ตรงเซเว่นก่อนถึงแหลมทอง
13. ไหว้พระพรหมหน้ามอ ต้องใ้ช้น้ำแดง ไหว้เจ้าพ่อแสน ให้ไหว้น้ำเปล่า (จริงรึป่าวนะ)
14. ลิฟต์ตึก SD ตัวนึง มีผี ตอนจะขึ้นเลือกให้ดีๆ ลิฟต์ตึก M ก็เช่นกัน
15. วิชา Hobby งานอดิเรก เป็นอีกวิชาที่ได้เกรดมาง่ายกว่าขอเพิ่มถอน
16. อย่ารอลิฟต์คณะมนุษย์ เดินขึ้นไปจะเร็วกว่า
17. ห้องน้ำชายอาคารภปร.สายฉีดตูดแรงมาก ใช้แล้วระวังเลอะขี้
18. เอกจีน รุ่น 48 มี ผู้ชายทั้งเอก 2 คน
19. ยิมวอลเลย์ตรงข้ามสนามเชาวน์ยืนข้างนอกจะได้ยินเสียงผู้หญิงกรี้ด
เข้าไปข้างในจะเห็นผู้ชายร่างกำยำกำลังเล่นวอลเล่ย์กันอย่างสนุกสนาน
20. ยามหน้ามอ หลังมอ บางคนอายุน้อยกว่านิสิตปี 1

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เป็นเด็กปี 1 มันยากนะ



1. เราไม่มีทางรู้เลยว่า คนไหนเป็นพี่ในคณะเรา ในเอกเรา
สิ่งที่เราทำได้ คือการเดินสวัสดีคนจนทั่วมหาวิทยาลัย ไม่ก็สังเกตที่สีของหัวเข็มขัดและติ้ง!!

2. เราไม่มีทางรู้เลยว่า เพื่อนที่เราสนิทมากที่สุดในวันรับน้อง
หรือวันสัมภาษณ์ ที่แท้แม่งคือพี่เนียน แม่ง กูแอบด่ารุ่นพี่ไปตั้งหลายคน

3. เนคไทค์ไม่ได้ผูกกันง่ายๆ นะ กว่าจะผูกได้ เหงื่อตกเลยทีเดียว

4. รองเท้าคัทชู มันเจ็บรู้มั้ย โดยเฉพาะของผู้หญิง!! ฟันธง ร้อยทั้งร้อยของเฟรชชี่ตีนพองกันเป็นแถว

5. ข้อมือที่พี่บรรจงผูกให้เป็นร้อยๆเส้นที่ข้อมือหนู เวลาอาบน้ำแล้วมันชื้น
มันคันมาเลยนะคะ หนูเลยแก้ออกแล้วผูกแค่สองสามเส้น ปุ๊ป รุ่นพี่ด่าหนูเลยค่ะ
หนูผิดอะไรคะ

6. ตึก UAD ,KB ,SD ,QS1 คือที่ไหนค่ะ ทำไมหนูหาห้องเรียนไม่เคยเจอเลย Y_Y

7. อย่าพูดว่าเจอกันที่สดใสได้มั้ยค่ะ หนูไม่รู้จริงๆ ว่ามันคือที่ไหน

8. ทำไมพี่ให้หนูแต่งตัวเรียบร้อย อยู่คนเดียว

9. สัญลักษณ์ประจำเอก บางเอกน่ารักมาเลยนะคะ เป็นกิ้ฟ เป็นผ้าพันคอจุ๋มจิ๋ม
ทำไมเอกหนูถึงเป็นกระบัง ช่อดอกไม้ที่แทบยกมาทั้งป่าอย่างนั้นละคะ
หนูไปกินข้าวหน้ามอ อิพี่เพจข้างนอกสดใสก็ชอบถ่ายรูปมาประจารหนูอายอ่ะ

10. หนูตอบจดหมายช้า พี่บางคนแบนหนูออกจากเอกเลยค่ะ หนูผิดอะไร 
มีอะไรด่วนไลน์มาก่อนได้นะค่ะ นี่หนูได้มาก็รีบตอบเลยนะ
แต่หนูเลิกรับน้องก็ดึกแล้ว มีเรียนเช้าด้วย
เดี๋ยวหนูจะรีบตอบนะค่ะ อย่าโกรธหนูเลยน้าาา

11. เป็นเรื่องยากมากเลยนะ ที่จะให้จำเพลงมาร์ชมหาวิทยาลัย มาร์ชคณะ
เพลง 8 กรกฎ และสารพัดเพลงในเวลาแค่ ไม่กี่นาทีที่พี่ให้หนูจำ
พอจำไม่ได้ พี่ด่าหนูอีกแล้วววว สูตรคูณยังท่องวันเดียวไม่ได้เลยนะค้าาาา

12.ชื่อสร้อย หนูขอเพราะๆหน่อยได้มั้ยคะ บางทีพี่ที่ตั้งให้ ทำหนูไม่กล้าติดป้ายชื่อเลยค่ะ
ผัน ผวน ออกมาที ผู้ชายเขาเห็นชื่อหนู ขำกันหน้าแดง น้ำตา น้ำลายไหลกันหมดเลยค่ะ

13. มันยากเหมือนกันนะ ที่จะทำใจไม่ให้ชอบรุ่นพี่ อีโมติคอน upset


14. มันยากเหมือนกันนะ ที่เห็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่วันแรก ซิ่วไปเรียนที่อื่น

15. มันยากเหมือนกันนะ ที่จะเป็นเด็กปีหนึ่ง ในขณะที่เพิ่งจบมอหกมาได้ไม่นาน

16. และมันก็ยากเหมือนกันนะ ที่จะลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปีหนึ่ง ให้หายไปจากความทรงจำ
หรือเพราะว่ามันเป็นยากนี่แหละ มันถึงสนุก และมีความสุขที่ได้กลับไปคิดถึงอีกครั้ง ?

เฮ่อ...

เป็นเด็กปี 1 มันยากนะ แต่ถามว่ารักไหม ตอบเลยว่า มาก :)
ขอบคุณกิจกรรมดีๆ ธรรมเนียมดีๆ การรับน้องดีๆ ที่ทำให้เราผูกพันธ์ และคิดถึงเสมอ

ใครอยู่ปี 1 เข้าเถอะนะ กิจกรรมรับน้อง มันให้อะไรมากกว่าที่คุณคิดจริงๆ คอนเฟิร์ม

วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

นิสิต ปี 1

" univerCity "





การเป็นปี 1 ของที่นี่ไม่ยากครับ
ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาก
แต่ใช่ว่าจะง่ายไปสักทุกอย่าง
ผมถูกพามาที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจร่างกาย
หลังจากที่ทราบว่าผมสอบติดที่นี่
เป็นวันที่โรงพยาบาลครึกครื้นไปด้วยเสียงสารพัด
พี่ปีสองดีใจ ได้น้องมาเข้าเอก
บางเอกดีใจมาก เหมือนลูกตัวเองสอบติด
เพราะถ้าไม่มีน้องมาเรียน
เอกนี้คงถูกยุบไปเป็นประวัติศาสตร์
หลังจากเปิดเทอมได้ไม่กี่วัน
ผมก็ถูกรุ่นพี่จับพลัดจับผลูแต่งตั้งให้มีใครเป็นพี่เทค
และเป็นน้องเทคใคร จากการจับฉลาก
พี่เทคผมเป็นหญิงสาวใฝ่เรียน หน้าตาน่ารัก
น้ำเสียงยานๆ เหมือนแม่นาคกำลังเรียกพี่มาก
เธอติดละครงอมแงม แต่เรียนโคตรเก่ง
แอบคิดอยู่ลึกๆว่า วิธีนี้เป็นวิธีจำยอม
เวลาเราจับได้ใคร
ห้ามมีข้อแม้ข้ออ้างว่าไม่อยากได้
เพราะมึงจับได้เอง
กูช่วยไม่ได้
นั่นเลยทำให้พี่เทคบุญธรรมถือกำเนิดขึ้น
ฟังแล้วดูมีตำนาน
เป็นการเกิดโดยความรู้สึกล้วนๆ
ว่าเราอยากเทคน้องคนนี้
บางครั้งมันรู้สึกถูกชะตา
มากกว่าน้องที่เราจับได้
และน้องบางคนก็ถูกชะตากับพี่
มากกว่าพี่ที่เป็นพี่เทคตัวเอง
ไม่แปลก
กฎของการจับฉลาก
มักมีคนไม่ถูกใจเสมอ
บางคนโชคดีได้น้องเทคน่ารัก
เลยรีบพัฒนาจากน้อง
ไปเป็นอย่างอื่น
ถ้าเจอน้องสมยอม
ก็ดีไป...
ไปเจอน้องแก่แดด
ก็โดนแผดเผาจนหมดตัว
มันมีความไม่เชื่อในการรับน้องบางกิจกรรม
ขณะที่คุณเป็นปีหนึ่ง
เป็นไปไม่ได้หรอกที่คุณจะสนุกกับทุกกิจกรรม
มันต้องมีโมเม้นต์ที่ไม่ใช่
และไม่อยากไปบ้างเหมือนกัน
เด็กปีหนึ่งกำลังอยู่ในวัยสับสน
ผมยังไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร
ในสภาวะที่ทุกคนรอบๆ ตัวเป็นตัวของตัวเองมากมายขนาดนี้
ทำแบบนี้ก็ไม่ได้ ทำแบบนั้นก็ไม่ได้
โดนหลอกให้ไหว้จักรยานที่กลางสระน้ำคณะศึกษาศาสตร์
บอกว่าพี่บัวเป็นคนขี่
โดนสิบล้อชนตาย เลยเอาจักรยานที่โดนชนมาวางบูชา
น้องปีหนึ่งจะรู้อะไร ก็ไหว้เข้าไปสิ
ด้วยความกลัวจักรยานตราจรเข้ไปหักคอ
ไหว้กันเป็นปีๆ สุดท้ายมาเฉลยว่าอำกัน
แล้วยังไง เอาคำว่าสวัสดีของกูนับปีคืนมาได้มั้ย
พี่บัวตายทุกปี
เปลี่ยนจักรยานแล้วแต่รุ่นที่กำลังอินเทรนด์ในช่วงเวลานั้น
โมโห แต่ไม่รู้จะไปโกรธใคร
ได้แต่ขำกับความเซ่อของตัวเองเวลามองกลับไป
ช่วงปีหนึ่งจะเป็นช่วงโดนรุ่นพี่วีนบ่อย
เดินไปไม่ไหว้ ก็โดนด่า
หาว่าไม่อยากได้พี่เป็นพี่ใช่มั้ย
โถ.... ถ้าตอบว่าใช่ไป
ผมจะโดนบ้องหูมั้ยครับ
บางครั้งเราไม่ไหว้ เพราะเราไม่เห็น
แต่บางทีที่เราเห็น แต่เราไม่ยอมไหว้
อันนี้ควรส่องกระจก
เราเคารพทุกคนไม่ได้
แต่พี่ทำให้น้องเคารพได้
ผมว่าง่ายกว่าการไปบังคับน้อง
พอไม่ได้ดั่งใจ ก็มาตีโพยตีพาย
หาว่าโลกไม่หมุนไปพร้อมกับคุณ
ขณะที่ผมเป็นปีหนึ่ง
ผมถูกพี่เทคเขียนจดหมายมามากมายหลายฉบับ
ไม่ได้ชวนให้ดูละครเรื่องเดียวกับเธอ
แต่แต่ละฉบับมักมีข้อความน้อยอกน้อยใจ
ว่าทำไมถึงไม่ตอบจดหมายเธอบ้าง
บางครั้งก็เห็นภาพว่าเธอกำลังเดือดเป็นไฟ
ขณะเขียนเธอต้องกดปากกาพร้อมกับกัดฟันแรงๆ
ถ้าจัดอันดับในบรรดาน้องเทคของเธอ
ผมถูกจัดอยู่ในน้องเทคชั้นต่ำ
เป็นน้องเทคเหล่าสุดท้าย
เป็นน้องเทคเต่าถุย
ผมไม่ค่อยได้ตอบจดหมายเธอ
ไม่ค่อยได้ไปรับน้อง
ไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมที่พวกเขาจัดขึ้น
เป็นเด็กปีหนึ่งมันไม่ง่ายเลยนะครับ
ผมต้องทำตามในสิ่งที่เขาบอกๆ กันมา
โดยไม่รู้ว่าที่บอกกันมานั้นมันจริงไหม
แต่พวกเขาทำกัน
พอไม่ทำ
ก็กลายเป็นความผิดติดตัวฉัน ?
เด็กปีหนึ่งต้องว่านอนสอนง่าย
ผมว่ามันเป็นโลกในอุดมคติ
ชวนฝัน ชวนให้เดินไปปลุก
พวกเขาแค่มาอยู่ต่างที่ ต่างถิ่น
อยู่ในช่วงปรับตัว
เขามีความเป็นตัวเองอยู่แล้ว
การยัดเยียดความเป็นพี่ที่มีข้อแม้จุกจิก
อาจทำให้เขาอยู่ไม่สบายตัว
บางที เขากำลังจะสบายใจกับที่ใหม่
พอมีพี่เจ้าอารมณ์บางคนเข้าปะทะ
อาจทำให้ที่นี่ ไม่น่าอยู่สำหรับเขาอีกต่อไป
ปีหนึ่งสำหรับผมไม่ได้โหดร้าย
ผมพบกับเพื่อนใหม่ๆ
พี่ใหม่ๆ ที่ต่อมา พวกเขามีความหมายมากมายในชีวิต
การรับน้อง
อาจเป็นเพียงการรับเขาเข้ามาอยู่ที่นี่
แล้วให้เขาปรับตัว หาวิธีที่จะอยู่กับที่ใหม่ที่เขาเลือก
มากกว่าการเลือกให้เขาอยู่ที่ไหน เป็นแบบไหน
คนเป็นพี่ ทำได้เพียงแนะนำ
เพราะเราเป็นเพียงพี่เขาในมหาวิทยาลัย
ออกไปข้างนอก เขายังมีคนอื่น
มีญาติพี่น้อง ที่บางครั้ง อาจสำคัญมากกว่า
แต่พี่บางคนที่เราเจอที่นี่
อาจกลายเป็นคนสำคัญที่เราหาไม่ได้จากที่ไหน
มหาวิทยาลัยมันจำลองโลกอีกหนึ่งใบให้เราศึกษา
ไม่เจอกันที่นี่ ออกไปก็ต้องเจอกัน
ผมถูกผูกข้อมือจากพี่หลายๆ คน
ข้อมือเต็มไปด้วยด้ายสองสี
ยาวขึ้นไปเกือบถึงข้อศอก
ระหว่างผูก บทสนทนาที่พิเศษจะถูกเปล่งออกมา
น่าแปลกใจ มันน่าฟังมากกว่าที่เราเคยได้ยินมาระหว่างกิจกรรมก่อนๆ
ฟังดูจริง และน่ารับฟังมากกว่ากิจกรรมอื่นๆ
มีหลายคณะที่รับน้องอย่างสนุกและน่าเข้าร่วม
ตอนอยู่ปีสอง ผมมีน้องเทคหลายคน
คนหนึ่งเป็นเด็กน่ารัก ฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา
เจอกันทุกครั้งเธอจะถามผมว่า พี่สวดมนต์แล้วรึยัง?
ทำเอาผมสะอึก ดูกลายเป็นคนบาปต่อหน้าน้อง
ผมเป็นคนหยาบคาย พูดจาไม่ค่อยสุภาพ
บ่อยครั้งที่เธอจะห้ามปราม พร้อมกับบอกว่ามันผิดศีล
ผมเป็นพี่เทคที่ดูแล้วเต็มไปด้วยอกุศลทั้งหมดที่เธอเคยเจอ
เธอคงผิดหวังอยู่ไม่น้อย
แต่ผมแอบดีใจ ที่ได้เธอเป็นน้องเทค
เพราะนอกจากวัดแล้ว
ก็มีแต่เธอ ที่ทำให้ผมยำเกรงในพระพุทธศาสนา
อีกคนหนึ่ง เป็นเด็กไฮโซ แบรนด์เนมทุกชิ้นบนเรือนร่าง
โทรไปหาทีไร เธอจะอยู่ในห้างใหญ่กลางใจเมือง
กำลังลองรองเท้าคู่ใหม่จากอิแทลี่
ฟังแล้วก็ก้มดูช้าวดาวที่ยืมเพื่อนมาใส่กับตีนดำๆของตัวเอง
ความยุติธรรมแม่งไม่มีในโลก
เด็กที่นี่ส่วนใหญ่
ไม่โตด้วยน้ำนม
ก็โตด้วยน้ำรำข้าว
พี่เทคมีหลายชนิด
ชนิดที่เลี้ยงดูด้วยร้านนม
และชนิดที่เลี้ยงดูด้วยร้านเหล้า
ไม่นับชนิดที่เลี้ยงดูด้วยนมจากเต้า
พวกนั้นเข้าใจผิด คิดว่าที่นี่คือฟาร์มโชคชัย
ข้อดีมีแตกต่างกัน
ผมชอบทั้งสอง
แล้วแต่สถานการณ์
ผมชอบนั่งคุยกับพี่ที่มีประสบการณ์จากการใช้ชีวิต
มากกว่าพี่ที่มีชีวิตอยู่เพียงแค่หน้าจอทีวี
จมกับละครหลังข่าว
ไม่รู้จักอะไรนอกจากหนังสือเรียน
ผมเป็นเด็กปีหนึ่งไม่นิยมการสังสรรค์
ออกบ้าง บางสถานการณ์
พอไม่ให้ดูน่าเกลียดไปมากกว่าเดิม
พอเรียนไปสักพัก เราจะรู้สึกว่า
มหาวิทยาลัย มันจริง
ไม่มีเวลาให้เราเสียไปกับการทำอะไรให้หมดไปวันๆ
ผมจึงพยายามหาอะไรทำอยู่เรื่อยๆ
จดหมายจากพี่เทคก็หลั่งไหลเข้ามาอยู่ตลอด
ให้ผมเข้าไปเรียนบ้าง เดี๋ยวจะไม่จบเอา
ถ้ามองจากภายนอก เขาจะไม่รู้เลยว่า
ผมกำลังทำอะไรอยู่
ซึ่งมันไม่สำคัญอะไร
เพราะเราต่างรู้อยู่แก่ใจ
ว่าเรามาทำอะไรที่นี่
จุดหมายเราไม่เหมือนกัน
ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางเดียวกัน
แต่ระหว่างทาง
เราก็ควรเก็บเกี่ยวมิตรภาพที่น่าจดจำ
เอาไปอยู่ในชีวิตเราบ้าง
ก่อนที่ผมจะมาที่นี่
ผมไม่เคยรู้สึกว่าที่นี่น่าเรียน
เอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ
ว่าที่นี่มีมหาวิทยาลัย
นึกภาพไม่ออกว่า
มันคือมหาวิทยาลัย เอกชน หรือรัฐบาล
หรือราชภัฏสักแห่งหนึ่ง
ผมมองไปรอบๆ
แล้วบอกกับตัวเองเสมอว่า
ที่นี่ไม่ใช่ช้อยส์แรกของผม
แต่ในเมื่อเป็นช้อยส์ที่ถูกเลือกแล้ว
มันก็ต้องลองดู
คนเราไม่ลอง ก็ไม่รู้
แต่บางอย่าง รู้อยู่แล้ว
ก็ยังอยากลอง...
ผมรู้สึกมาตลอดว่า
การเรียนที่นี่ ผมเหมือน Underdog
เพราะที่นี่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้า
พูดไปก็ไม่มีใครรู้จักเท่าไหร่
มันมีความรู้สึกอยู่ลึกๆ
ว่าเราควรพยายามมากกว่าคนอื่นๆในขณะที่เราอยู่ที่นี่
เราควรทำอะไรได้มากกว่า เด็กที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอื่น
เราควรเก่งในด้านที่เราอยากจะเป็น
แสดงให้เขาเห็นว่า การเรียนจบจากที่นี่ ไม่ใช่เรื่องขี้ริ้วขี้เหร่
แต่น่าภาคภูมิใจ มากกว่า
ในระหว่างที่ผมเรียนอยู่ที่นี่
ผมพบกับพี่ๆ น้องๆที่มีความสามารถมากมาย
หลายๆคนทำให้ผมรู้สึกว่า
ที่นี่ ไม่น่าประสบมาทอย่างที่คิด
มันมีความหลากหลายของประสบการณ์รวมอยู่
รอให้เราไปพบมันเอง
ถ้านอนเฉยๆอยู่ห้อง ผมคงไม่ได้เจออะไรแบบนี้
หลายครั้งเวลาที่ผมไปประกวดอะไรกับเขาบ้าง
ผมมักได้ยินคำพูดจากคนอื่นว่า
ไม่น่าเชื่อ ว่าจะมีมหาวิทยาลัยนี้ติดมาด้วย
ฟังดูสะอึกนิดๆ
เหมือนเป็นแรงผลักดันว่า เราต้องพยายามขึ้นอีก
แต่ก็ดูดี น่าฟังไปอีกแบบ
นั่นทำให้รู้สึกว่า ความพยายามของเราเริ่มเป็นผลแล้ว
ผมไม่เคยรู้สึกว่าที่นี่น่าเรียน
จนกระทั่งผมมาเรียนจนถึงวันนี้
หลายอย่างที่เป็นอยู่ในชีวิตผมตอนนี้
ผมได้มาจากที่นี่
มันอาจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด
แต่มันคือสิ่งที่เราเลือกแล้ว
เลือกที่จะทำมันให้ดีที่สุดสำหรับเรา
เพื่อนที่ดีที่อยู่ในชีวิตเราตอนนี้
เราก็พบกันที่นี่
ผมไม่รู้สึกว่าที่นี่น่าเรียน
แต่ผมรู้สึกว่าที่นี่น่าอยู่
เรียนจบไปแล้วยังไม่คิดจะไปไหน
อยากนั่งอยู่ที่มหาวิทยาลัยริมทะเลแบบนี้ไปเรื่อยๆ
นั่งดูเขารับน้องปีหนึ่ง
ดูน้องร้องเพลง
ดูน้องเดินสวัสดีทั่วมหาลัย
ตอนอยู่ปีหนึ่งไม่เคยคิดอยากจะทำ
แต่พอจบมาแล้ว
หันกลับไปดูก็ตลกดีเหมือนกัน

:)


จาก : ข้างนอกสดใส ข้างใน ม.บู

วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ทะเลสีดำ กับ หาดวอนนภา

ทะเลสีดำ





ในเวลา 4 ปี
คนเราจะไปทะเลได้สักกี่วัน
ถ้าไปทุกวันเสาร์อาทิตย์ เราจะไปทะเลได้ 208 วัน
ถ้าไปแค่วันเสาร์วันเดียว เราจะไปทะเลได้ 104 วัน
ถ้าไปแค่เดือนละครั้ง เราจะไปทะเลได้ 48 วัน
ถ้าไปสามเดือนครั้ง เราจะไปทะเลได้ 16 วัน
และถ้าไปแค่ปีละครั้ง เราจะไปทะเลได้แค่ 4 วัน
แต่ระหว่างที่ผมเรียนอยู่ที่นี่
ผมไปทะเลได้ทุกวัน
เป็นเรื่องโชคดี
ที่มหาลัยที่ผมเรียนอยู่มีหาดบางแสนเป็นเพื่อนเคียงข้าง
กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตผม จึงมีทะเลเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นส่วนใหญ่
ผมได้วิ่งเลียบชายหาดบางแสน
ในวันที่พวกเขาเอาเด็กปีหนึ่งทั้งหมด
ไปปล่อยไว้ที่เขาสามมุก
แล้วให้พวกผมวิ่งกลับเพื่อไปเข้าเส้นชัยที่มหาลัย
ง่วง เหนื่อย  แต่สนุก

เพื่อนผมบางคณะ มีกิจกรรม บูมทะเล(วิศวะ)
คือให้พวกเขาไปยืนกอดคอกันกลางทะเล
ก้มหน้า อ้าปากบูมมหาวิทยาลัย บูมคณะกันใต้น้ำ
เพื่อนให้รุ่นพี่ที่อยู่บนฝั่งได้ยิน
ซึ่งความต้องการของพี่พวกนี้
มักไม่มีขีดจำกัด

เป็นบูมมหาวิทยาลัยที่เค็มมาก
แต่เพื่อนมักจำประสบการณ์ครั้งนี้ได้แม่น
เล่าเมื่อไหร่ก็ฮากันยกโต๊ะ
เหมือนที่ยาสีฟันยี่ห้องหนึ่งชอบบอกว่า
เค็ม...แต่ดี

ผมมักออกไปขี่รถเล่นกับเพื่อนตอนเย็น
หาจุดจอดแถวหาดวอน
ยืนมองทะเล คิดอะไรเรื่อยเปื่อย
แต่มักเห็นภาพคนลงไปเยี่ยว
บางครั้งขี่เข้าไปถึงสะพานปลา
ใกล้ทะเลเข้าไปอีกคืบหนึ่ง
เหมือนซื้อตั๋วแถวหน้า
เห็นคนยืนเยี่ยวชัดขึ้นอีกระดับหนึ่ง
ชีวิตยามพลบค่ำของเด็กบางแสน
นอกจากจะแต่งตัวเตรียมออกล่าที่เบอด๊อกแล้ว
บางคน ก็ตระเตรียมเตาถ่าน
กุ้งสด หมึกสด ที่ออกไปซื้อที่สะพานปลาอ่างศิลาตั้งแต่เมื่อเช้า
ปูเสื่อกันริมหาด ย่างทะเลคลอเคล้าไปกับบทสนทนาระหว่างเพื่อน
บางคนเอากีตาร์มาช่วยเพิ่มบรรยากาศ บวกกับเบียร์ถูกๆชั้นเลิศ
พร้อมกับลาบกุ้งเต้นที่ลุงรถพ่วงเพิ่งเอามาเสิร์ฟ
ความสนุกอยู่ตรงต้องค่อยๆแอบเปิดฝากล่อง
เพราะกุ้งเต้นแรง กับจังหวะกีตาร์ที่เพื่อนดีดมัน
ค่อยๆเปิด ค่อยๆกิน 

เปิดกว้างไปจะโดดออกมาเต้นกันจนหมดฟลอร์
บางแสนเป็นคนโรแมนติก
นั่นทำให้คู่หนุ่มสาวหลายคู่
เดินทางมาบอกรักกันที่นี่

ผมเห็นสาวน้อยซ้อนเวสป้า
จับเอวอิงไหล่
นี่ถ้าไม่ใช่รักแรก
ก็คงเป็นมายาในระดับหนึ่ง

เราอยู่กับแฟนได้ทุกที่
แต่ถ้าอยู่ที่ทะเล
มันจะมีความทรงจำทีดีกว่าที่อื่น
ผู้ชายจึงมักชวนผู้หญิงที่ชอบไปทะเล

แต่ถ้าชวนไปเสม็ด
อันนี้ผมไม่รู้

คนมาทะเล
ไม่มาร้องเพลง
ก็มาร้องไห้...

หลายครั้งที่ผมยังเห็นใครบางคน
มักมาจอดรถยืนมองทะเลคนเดียว
สายตาที่มองออกไปนั้น
เหมือนกำลังดูเรื่องราวที่กำลังฉายอยู่บนท้องฟ้า
มีเสียงคลื่น มีลมพัด
ยืนไปสักพัก เริ่มมีน้ำตา

หาดบางแสนไม่ได้ถูกออกแบบสำหรับการมานั่งคนเดียว
ไม่ใช่เพราะมันเปลี่ยว แต่มันเหงา
เพราะเมื่อบางแสนเริ่มเศร้า
มันก็เศร้าเกินกว่าที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ให้อยู่

ผมชอบมาทะเล
ไม่ใช่เพราะผมชอบร้องเพลง
แต่ผมมาดูทะเลร้องไห้

ทุกครั้งที่ฟังเพลงทะเลสีดำ
ผมมักคิดถึงที่นี่
ผมคิดถึงเพราะเพลงมันเพราะ
แต่บางคนคิดถึงบางแสน
เพราะมันเป็นสีดำ

เรามีความสุข เรามาบางแสน
เรามีความทุกข์ เราก็มาบางแสน
บางแสนเป็นทะเลใจกว้าง
รองรับทุกอย่างจากเราเสมอ
แต่หลังปลดทุกข์ เราก็เก็บสุขกลับไป
เหลือเพียงมูลที่เน่าหนอนชอนไช
โยนกลับไปที่ทะเล

ผมจึงไม่รู้ว่า
ที่บางแสนเป็นแบบนี้
เพราะนิสัยของบางแสนที่ชอบเก็บขยะ
หรือเพราะความสกปรกที่ผู้เยี่ยมเยียนเป็นระยะ
หยิบยื่นมาให้

ผมโชคดี ที่มีทะเลอยู่ใกล้ๆ
เป็นทะเลที่ชายหาดเต็มไปด้วยเศษแก้ว
พลาสติกลอยน้ำหยอกล้อกับสาหร่ายเน่า
เป็นทะเลที่น้ำจะใสแค่ช่วงฤดูหนาว
เป็นทะเลสำหรับดูดาวในคืนที่อยากคุยกับใครสักคน

ผมรักที่นี่
เพราะผมโตที่นี่
ผมลอยกระทงที่นี่
ผมเมาที่นี่
ผมอกหักที่นี่
ผมมาเยี่ยวที่นี่
ผมมีความสุขกับเพื่อนที่นี่

ในเวลา 4 ปี
คนเราจะไปทะเลได้สักกี่วัน
ผมมีชีวิตเฉลี่ยแค่ 21,720 วัน
การเลือกมาทะเลแค่ปีละวัน
บางแสนคงคิดว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ อีโมติคอน smile
Repost เขียนไว้เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2555
Photo by Tuck1405

จาก ข้างนอกสดใส ข้างใน ม.บู

วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สถานที่พิเศษขึ้นได้ เพราะเรามีความทรงจำดีๆ ณ ที่นั้นๆ



มีคนถามผมว่า
ที่นี่มีอะไรที่มันพิเศษกว่าที่อื่น
ผมตอบได้เลยว่าไม่มี
ไม่มีอะไรพิเศษ 
ไม่ได้ดีกว่าที่ไหน
ที่นี่มีแต่อะไรที่มันธรรมดาๆ
แต่เป็นความธรรมดาที่ทำให้ใครบางคน
ไม่สามารถโตและไปจากที่นี่ได้


จะเรียกว่ามันเป็นความพิเศษดีไหม?
ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ :)




photo by _nuengg

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บางแสนที่รัก




เคยคิดว่า ความคิดถึงทำให้เราทุกข์
แต่คิดดูดีๆ ความคิดถึงในหลายๆ ที
ก็ทำให้เรามีความสุขเหมือนกันนะ :)



หาดบางแสน ที่มีแต่ความทรงจำ



Photo by Volks Saphak

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รูปภาพ เป็นแหล่งเก็บความทรงจำชั้นดี



อยู่กับสิ่งแวดล้อมเดิมๆ
จนวันนึงต้องเดินจากมันไป
ความรู้สึกก็เริ่มไม่เหมือนเดิม







คิดถึงนะ สวนนันทนาการ
คิดถึงนะ ม.บูรพา

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แหลมทองบางแสนเมื่อหลายปีที่แล้ว ความทรงจำของเด็ก ม.บูรพา

แหลมทอง 3 นาที 

เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น ที่หน้ามหาวิทยาลัยมีห้างสรรพสินค้าตั้งอยู่
เป็นความรู้สึกของเด็กปีหนึ่งที่คิดว่า 
ชีวิตจะสะดวกสบาย เหมือนมีเซเว่นอยู่หน้าหอยังไงยังงั้น 
ตื่นเต้นตั้งแต่วันแรกที่เอาของเก็บที่หอใน
เริ่มทำความรู้จักเพื่อนในห
สังเกตง่ายๆ เลย เด็กปีหนึ่งที่เพิ่งมาอยู่หอใน
จะจับกลุ่มรวมตัวกันเดินไปไหนมาไหน
แล้วไปกันเยอะมากๆ อารมณ์แบบ ขอไปด้วยคน
กูยังไม่มีเพื่อน อยู่ในช่วงเพื่อนเยอะแบบยังไม่ได้คัดกรองคุณภาพ
เดินดุ่มๆจากหอตรงอาคารภปร.ไปหน้ามอ
วิ่งเข้าแหลมทองด้วยความเร็ว 120 กม/ชม
กะสูดแอร์เย็นๆ เดินดูของสวยๆ งามๆ กันเต็มที่

แต่ความตื่นเต้นทั้งหมดทั้งมวลก็พลันหายไป
หลังจากได้เดินเข้าห้างแหลมทองได้ 3 นาทีแรก

คือ ยังไม่จบ 3 นาทีดี กูเดินครบทั้งห้างละ

เหนื่อยแบบเหงื่อออกจากรูผุมขนไม่ทัน

ห้างแหลมทอง หรือ Saveland ในชื่อก่อนหน้านี้
เป็นห้างเล็กๆ ที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยบูรพา บางแสน
ถือเป็นโลเคชั่นที่ดีที่สุดในย่านนี้ เดินออกมาหน้ามอต้องเจอ
ขับรถจากถนนสุขุมวิทเข้ามาที่หาดบางแสนก็ต้องผ่าน
แต่ช่างเป็นห้างที่ใหญ่กว่าสนามฟุตบอลไม่กี่นิ้วเสียนี่กระไร

ระยะทางในการเดินจากประตูตรงลานโบว์ลิ่งไปยังซึทาย่า
หรือตอนนี้กลายเป็นธนาคารกสิกรไปแล้ว
ใช้เวลาเดินและตดไปด้วยลากยาว
คนที่เพิ่งเข้าประตูโบว์ลิ่งยังสามารถได้กลิ่นตดที่เพิ่งตดไปได้อยู่

ที่นี่มีโรงหนังด้วยนะ
ตอนแรกที่รู้ว่ามี ตกใจ โอ้โห SF Multiplex บางแสน หรูวะ
แต่พอมีสติคิดดูอีกที อ้าว
เป็นเครือที่เล็กที่สุดในบรรดา Class ทั้งหมดของโรงหนัง
บัตรก็แสนถูก 40 บาท ดูได้ทุกเรื่อง
ช่วงนั้นผมมีเพื่อนที่รู้จักทำงานเป็นเด็กฉายหนัง เด็กเก็บตั๋วอยู่ที่นั่น
เลยได้อานิสงค์เข้าฟรีตลอด แค่ไปบอกเพื่อนว่า
มึงวันนี้กูดูเรื่องนี้นะ
เพื่อนบอก เออ มึงรอคนเข้าก่อน
พอจบเพลงสรรเสริญพระบารมี มึงตามกูเข้ามานะ
เป็นอันรู้กัน

ทีเด็ดคือหน้าโรงหนัง
จะมีซุ้มขายป๊อปคอร์นกะโหลกกะลาอยู่ซุ้มหนึ่ง
แม่ค้าหน้าหงิกมาก อารมณ์เหมือนเราจะไปปล้นป๊อปคอร์นสุดอร่อยของแก
ทั้งที่มือกูเนี่ย กำตังค์ไว้แน่น
มึงจะคุยดีๆกับกูสักทีไม่ได้เลยหรอ
น้อยใจชิบหาย

ช่วงที่ผมอยู่ปีหนึ่ง แหลมทองมีของน้อยมาก
มีศูนย์ภาษาอยู่ในนั้น มีท็อป ซุปเปอร์มาเกตกังๆที่มีมุมข้าวราดแกงอร่อยๆซ่อนอยู่ แอบเข้าไปกินกับเพื่อนอยู่บ่อยๆ

มีสเวนเซ่นส์อยู่ตรงปากทางขึ้นชั้นสองไปลานโบว์ลิ่ง
ตอนนั้นใครเป็นสาวเสริฟไอติมที่นี่จะฮอตมากนะครับ
คัดหน้าตากันเต็มที่ ไปกินไอติมนี่คือกะจีบสาวเสริฟกันตลอด
บางคนก็จีบติด บางคนก็เงิบ ผมซึ่งมีเพื่อนอยู่ในทั้งสองกรณี
ทำให้พอรู้ว่า เด็กเสิร์ฟสเวนเซ่นไม่ได้จีบกันง่ายๆ
แล้วก็ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ด้วยเช่นกัน

เคยมีความคิดอยู่ช่วงหนึ่งอยากไปลองสมัครเป็นพนักงานเสริฟที่นั่นดูบ้าง
แต่หลังจากส่องกระจกดูสภาพตัวเองแล้ว
บวกกับสูตรการจดไอติมที่มีการยกกำลังวิปครีม
ไม่เอาเอามอลเปลี่ยนเป็นแยมสตอรเบอร์รี่แทนแล้ว
รู้สึกถอดใจ และลาออกตั้งแต่ยังไม่ได้สมัคร

ที่ไม่น้อยหน้ากว่าร้านไอติม คือร้านพิซซ่าครับ

พนักงานยืนหน้าร้านน่ารักแบบตบตีสู้กันสูสี

โชคดีอีกครั้งที่มีเพื่อนเป็นพนักงานในนั้น
เราจะได้สิทธิพิเศษในการลดราคาแบบที่อิโต๊ะข้างๆ ต้องอิจฉา
แถมด้วยสลัดบาร์ที่ตักแบบไม่อั้น แต่กูให้มึงตักรอบเดียวนะ
พวกผมก็เลยเอาผักใบเขียวรองฐานก่อน แล้วค่อยเอาไข่
เอาผักที่ทำให้รากฐานมั่นคงลงไป
ตามด้วยทุกสิ่งที่อยู่ในบาร์นั้น อัดเข้าไปในถ้วยเท่าฝ่ามือ
แดกหมดไม่หมดไม่รู้ แต่กูสนุก
ถ้าตักมาแล้วสูงกว่าโต๊ะข้างๆ จะรู้สึกว่ากูเก่งกว่าอย่างบอกไม่ถูก
เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ร้านพิซซ่าทั้งประเทศยกเลิกสลัดบาร์
กูไม่ให้มึงแดกแล้ว สนุกกันมากนักใช่มั้ยยยย

อีกหนึ่งร้านที่ผมไปกินบ่อย คือฮะจิบัง
จะบ่อยก็ไม่บ่อยเท่าไหร่ เพราะช่วงที่เรียนไม่ค่อยมีตังค์
เข้าไปบ่อยๆก็จะหมดตัว แล้วกลับไปกินมาม่าได้
แต่ที่ชอบเข้าไปเพราะชอบเข้าไปฟังเพลงของ อูทาดะ ฮิคารุ
เขาเปิดเพลงของอูทาดะ สาวญี่ปุ่นเสียงดี
มากความสามารถเกือบทุกเพลง เปิดทุกวัน เปิดทุกเดือน
และเปิดแม่งทุกปี

นี่จบมาสี่ปีแล้วกลับไปกิน เขายังเปิดอัลบั้มนั้นอยู่เลย
ไม่รู้ว่าชอบจริง หรือมีอยู่แผ่นเดียว
วานผู้จัดการถ้ามาอ่านรบกวนเปลี่ยนแผ่นด้วย
อูทาดะของผมคงเบื่อเพลงที่ตัวเองต้องร้องตอนพนักงานตะโกนโหวกเหวกต้อนรับลูกค้าอยู่ทุกวันแล้วแน่ๆ

กลับมาที่ข้างๆ โรงหนัง
จะมีตู้คาราโอเกะ

เป็นตู้เล็กๆห้ามเข้าเกิน 4-5 คน
แต่ทุกครั้งที่ไปมักจะ 8-9 คน อัดแน่นอยู่ในตู้กากๆ ที่ไมค์ดังแค่อันเดียว อีกอันเอาไว้ให้เราจับแล้วเคาะๆ พร้อมกับบ่นกับเพื่อนว่า ไอห่า แม่งไม่ดัง

พอมันดัง ก็จบเพลงซะแล้ว

บางทีโชคไม่ดี พนักงานแลกเหรียญก็จะเดินมาตรวจ
เราก็ต้องแตกทัพ ทำเป็นไปเยี่ยว
เดินไปด่ากับแม่ค้าป๊อปคอร์น แล้วพอเจ้กลับไป
เราก็มาอัดกันร้องเพลงกันต่

เมื่อออกจากคาราโอเกะ ก็แวะเข้าซึทาย่า

ร้านเช่าหนังที่แพงที่สุดในบางแสนประเทศ
เรื่องละ 30 – 40 บาท ตอนนั้นถือว่าแพงมากนะครับ
แถมพนักงานก็จับผิดกันชิบหา
กล่าวหาว่าเราทำแผ่นเป็นรอยอยู่ตลอด
เวลายืมไปนะ แผ่นรอยเกอะกัง เอ็งก็เอาน้ำยามาฉีดๆ
มันก็ดูใสดี แต่พอเอาไปดูจริง
หนังกระตุกเหมือนมึงเอากระดาษทรายมาถูกเลยครับ

หลังจากนั้นไม่นาน ซึทาย่าก็จากเราไป

ลานหน้าแหลมทองเคยเป็นที่จอดรถที่มีความกว้างและบรรจุรถได้เยอะ
กว้างขนาดบอดี้แสลมเคยมาแสดงคอนเสิร์ตตรงลานจอดรถนี้
ผมไม่ได้เข้าไปดู แต่ได้ยินเสียงพี่ตูนอยากบินลอยมาถึงหอใน

ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่อยู่ในช่วงที่แหลมทองแบบเก่า และเปลี่ยนแปลงเป็นแบบใหม่

หลังจากนั้นไม่นาน แหลมทองเริ่มปรับปรุง
จากห้างชั้นครึ่ง กลายเป็นสี่ชั้น
ช่วงระหว่างการก่อสร้างก็ไม่ได้ปิดห้างแต่อย่างใด มีเอาผ้าใบมากันเป็นส่วนๆ ได้ยินเสียงอ๊อคเหล็ก เสียงเคาะกันอุดตลุด
ใช้เวลาประมาณ 1 ปี
แหลมทองก็กลายเป็น The runway of lifestyle
ฟังดูดัดจริต ลืมไปเลยว่าเคยเป็นสาวชั้นครึ่งไปโดยปริยาย

แหลมทองดูดีขึ้น จากที่ใช้เวลาเดิน 3 นาที
ก็เพิ่มขึ้นเป็น 5 นาที

โรงหนังใหญ่ขึ้น
มีธนาคารมากขึ้น
เอ็มเค เคเอฟซี มีเป็ด มีไก่ให้กิน
รวมทั้งร้านหนังสือที่นอกจากซีเอ็ดแล้ว ยังมีนายอินทร์มาร่วมด้วย

เขียนถึงตรงนี้แล้วรู้สึกเหมือนกำลังโฆษณาให้ห้างนี้อยู่เลย
ทั้งๆที่ไม่เคยได้อะไรจากมัน มีแต่เสียตังให้มันอยู่ทุกวี่ทุกวัน

ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าห้างเล็กๆหน้ามอที่เดินเข้าเดินออกกันอยู่บ่อยๆ
นอกจากจะเก็บสิ้นค้าไว้ทำลายกระเป๋าตังเราแล้ว
ยังเก็บความทรงจำของเราเอาไว้ด้วย 


แหลมทอง บางแสน


ทุกวันนี้เวลาผมเดินเข้าแหลมทอง
ผมยังไปยืนดูว่า ตรงนี้มันเคยเป็นอะไรมาก่อน
แล้วตอนนี้มันกลายเป็นอะไร
เราเคยมาทำอะไรกับเพื่อนที่ร้านนี้บ้าง
เคยนัดสาวมากินข้าวครั้งแรกที่นี่
แล้วเสือกรถไฟชนกันกับอีกคน

มันเป็นห้างที่โครตจะธรรมดา
แต่เรื่องราวของเราที่อยู่ในนั้นต่างหาก
ที่ทำให้แหลมทองไม่ธรรมดา

เป็นเรื่องยากที่เราจะลืมความทรงจำตลอด 4 ปี
ที่มีห้างเล็กๆแห่งนี้เป็นฉากหลังของชีวิตมหาวิทยาลัยเขาเราไปได้

ห้างที่เราบ่นว่า ไม่เห็นมีอะไร เดินแปปเดียวก็ครบ
แต่เราก็ยังไปเดินอยู่ทุกสัปดาห์
แม้ว่าไม่รู้จะเดินไปทำไมก็ตาม
ผมเดินกลับหอในพร้อมเพื่อนๆที่รู้จักกันในวันแรก 

เราต่างถือกะละมัง ตะกร้า กระป๋อง แฟ้บ และมาม่ากันคนละไม้คนละมือ
4 ปีต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร พวกผมไม่รู้

หรือแหลมทองในตอนนั้นรู้ว่า
เด็กที่เพิ่งมาอยู่บางแสนแรกๆต้องการอะไร
เลยไม่ได้ทำตัวเองให้ดูโอ่อ่าฟู่ฟ่า
แต่ทำให้ดูเป็นห้างที่แสนธรรมดา
ที่เด็กบางแสนอย่างเราจะได้ไปเดินได้ทุกวัน 



"ข้างนอกสดใส ข้างในมอบู"

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ร้านข้าวแกงที่ต้องไปลองสักครั้ง ร้าน ป้าเอ็กซ์

บันทึกของชายคนหนึ่ง กล่าวถึง ร้านข้าวแกงที่แพงที่สุดในโลก 



เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ถ้ามีใครสังเกต
จะเห็นว่ามีร้านข้าวราดแกงร้านหนึ่งที่หน้ามอ บูรพาบางแสน หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ร้านของแม่ค้าเจ๊ก 3 คน ผมขาวราวปลูกสำลีบนกระหม่อม อายุราวๆ 80 แต่เรื่องความแข็งแรงต้องยกให้เลย ทั้งทำกับข้าว เปิดร้าน แบกน้ำ ล้างจาน เก็บร้าน แกอยู่ถึงเที่ยงคืนเพื่อปิดร้านทุกวัน แตกต่างจากคนแก่บางคน ผมชื่นชมจริงๆ แกขมีขมันบรรจงกับข้าวประมาณเกือบยี่สิบอย่างทุกวัน ไม่แตกต่างกับร้านข้าวแกงอื่นๆ ถ้าร้านนี้ไม่แพงกว่า

ไม่แพงธรรมดา แต่ "โครตแพงเลยสัด"

แกบอกว่า วัตถุดิบแกเลือกสรรมาอย่างดี ตื่นแต่ตีสี่ตีห้าไปตลาดเพื่อเลือกกุ้งตัวใหญ่ๆมาทำกับข้าว

ผมไม่รู้ว่าเขาเรียกร้านนี้ว่าอะไร
แต่เท่าที่ผมรู้มา เขาเรียกร้านนี้่ว่า "ร้านป้าเอ็กซ์"

ป้าไม่ได้เซกซี่

ป้าไม่ได้เปิดไหล่ ใช้หัวนมจับตลิวทำกับข้าว 


แต่กับข้าวป้า เอ็กเพนซีฟ มาก .. ใช้ครับบบบ แม่งแพงเหรี้ยๆสำหรับกระเป๋าตังนักศึกษาตาดำๆอย่างนี้ กับข้าวของแกจะอยู่ราวๆ 80 บาท ข้าวอีกจานละสิบ วันนั้นผมไปกินคนเดียวเห็นกับข้าวแกน่ากินครับ เลยจัดไปข้าวกระเพรา พอคิดเงินเท่านั้นแหละ ล่อไป 95 บาท ช็อคซีนีม่าจ้า

งี้แหละครับ เราถึงเรียกสั้นๆว่า ป้าเอ็กซ์ ป้ารู้ว่าเรานินทาป้าอยู่ แน่นวลลล!!!!

ผมแวะไปกินข้าวร้านป้าบ่อย
ไม่ใช่เพราะมีเงินเหลือ
แต่กับข้าวป้า เหมาะสมกับราคาที่ตั้งไว้
กินไม่ได้ทุกมื้อ นานๆกินที
เพราะถ้ากินบ่อยๆ ต่อไปอาจไม่มีกิน (น้ำตาไหลแพร๊บบบ)

ร้านป้าเอ็กซ์ ปิดทำการไปประมาณ 5 เดือน
จู่ๆ วันนี้ก็เปิดขายปกติอย่าไม่ป้ายบอกล่วงหน้า
ผมสงสัยมาตลอดเวลา ว่าป้าหายไปไหน
ตอนแรกคิดว่าป้าตาย (เฮ้ย!!)

วันนี้เลยถือโอกาสที่ป้ามาเปิด เดินเข้าไปกินข้าวตามปกติ
พร้อมแอบยิงคำถามระหว่างรอป้าตักข้าวไปเรื่อยๆ

ก่อนหน้านี้ผมคุยกับป้าค่อนข้างบ่อย
เจอกันครั้งนี้ป้าจึงยิ้มกว้างให้ผมอย่างเห็นได้ชัด

1 ใน 3 ของป้าเอ็กซ์ เข่าเสื่อม
เสื่อมถึงขั้นต้องตัดแล้วงัดออกเท่านั้น
หมอบอกไม่ไหวแล้ว ขืนเก็บไว้ ป้าเล่นหกกบไม่ได้แน่ๆ


ป้าเอ็กซ์ที่ 1 จึงตัดสินผ่าตัดหัวเข่า
เลาะลูกสะบ้าทิ้ง แล้วนำไทเทเทียมมาดามใหม่
เป็นเข่าใหม่ เป็นหลักใหม่ แต่ยังคงเป็นป้าเอ็กซ์ที่ 1 คนเดิม

ตลอดห้าเดือน ป้าทำกายภาพบำบัด
ป้าเอ็กซ์ที่เหลือ ช่วยกันดูแลตามประสาพี่น้องที่ไม่มีสามีทั้งหมด

ผมนั่งถามเรื่องราวของป้าไปเรื่อยๆ
ด้วยความอยากรู้
ร้านของป้า ที่จริงแล้ว ชื่อว่า ร้าน "แสนอาภรณ์"
ป้าเปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2524
ช่วงนั้นเป็นช่วงพนักงานโรงไฟฟ้าที่บางประกงมาพักที่บางแสนเยอะมาก
เป็นยุคเฟื่อฟูของบางแสนยุคหนึ่ง
ครอบครัวของป้ามี 9 คน เป็นคนชลบุรี
ตอนนี้เหลือ 8 เพราะโดนสิบล้อเสยไปหนึ่ง

ป้าทำกับข้าวเป็นเพราะเตี่ยสอน
สอนได้ไม่นาน เตี่ยก็ตาย
แต่ยังทิ้งเสนห์ปลายจวักไว้ให้ป้าได้สานต่อ
ป้าจึงตัดสินใจเปิดร้านข้าวแกงเล็กๆ
ขายริมฟุตบาทที่หน้ามอบูรพา
ขายมาเรื่อยๆ จนลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองอายุเท่าไหร่
เผลออีกทีก็ผ่านมา 31 ปีแล้ว

ผมถามป้าว่า ป้ารู้มั้ยว่าเขาพูดกันหนาหูว่าของป้าโครตแพง

ป้าบอกว่า ป้ารู้ บางคนพอป้าบอกราคาตอนตักกับข้าวเสร็จ
มันก็เดินหนีป้าไป
บางคนก็กินไม่จ่ายตังค์ เดินหายไปตอนไหนก็ไม่รู้
บางคนก็ด่าป้า บอกว่า น้ำพริกกะปิอะไร
ถุงละสามสิบ เกิดมาไม่เคยเจอ


แต่จะให้ป้าทำยังไง
ถ้าเขาอยากกินของถูก เขาก็จะไม่ได้ของที่มีคุณภาพดี
เราไม่ทำหรอก ซื้อกะปิถูกๆมาทำ
ซื้อของเก่าๆ ไม่สดมาหลอกขาย
เราตั้งใจทำให้เขากิน
เราเลือกทุกอย่างที่เราทำ
ลงไปซื้อเอง ทำเองทุกอย่าง
แม้กระทั่งล้างถ้วยล้างชาม เราทำเองหมด

ป้าตอบแบบไม่ดราม่า
แต่ดูเข้าใจธรรมชาติของลูกค้าที่ป้าเจอมา

ผมค่อนข้างไม่กังขาในเรื่องรสชาติอาหารของป้า
อาหารของป้าถูกปากผมค่อนข้างมาก
แต่ไม่ค่อยถูก
และไม่ค่อยถูกกระเป๋าตังผมสักเท่าไหร่
แต่ป้าก็ยังขายได้ ขายดี และขายหมดอยู่ตลอด

ทำเลร้านป้าเอ็กซ์ ถือว่าเป็นทะเลทองของบางแสนตอนนี้
เป็นจุดยุทธศาสตร์เลยก็ว่าได้
อยู่กลางสามแยกหน้ามอ มองมุมไหนก็เห็น
ตีลังกา สะพานโค้ง ใช้หางตามองก็ยังเห็น

ผมแอบกระซิบป้าว่า มีคนเคยมาขอซื้อไหม?

ป้าบอกมี
เขาให้ป้า 15 ล้าน
ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร
แต่ป้าไม่ขายหรอกนะ
ป้าจะทำกับข้าวขายอยู่ที่นี่ไปจนตายนั่นแหละ
พอตายไปแล้วค่อยมาว่ากัน

เอาเงินไปตอนนี้ก็ไม่รู้เอาไปทำอะไร
ตายไปก็เอาไปไม่ได้
ขายข้าวแบบนี้ดีกว่า
เหนื่อย แต่มีความสุขกว่าเยอะ

ป้าหายไปห้าเดือน
ไม่มีใครรู้เลยว่าป้าไปไหน
เพราะป้าไม่อยากบอก
บอกไปก็เอาไปเล่าต่อไม่เหมือนกัน

ใจหนึ่งผมเคยคิดว่าหนึ่งในสามป้าเอ็กซ์นี้ต้องตายไปแล้วแน่ๆ
กังวลอยู่ลึกๆ
ว่าร้านข้าวที่เรากินบ่อยๆ
วันนึงเมื่อร้านมันปิด
เราก็เขวอยู่เหมือนกัน
ไม่รู้จะกินอะไร ไม่รู้จะยังไงต่อ

เหมือนเข้าร้านตัดผมแล้วช่างประจำไม่อยู่
ไปไม่เป็นเลยนะ
ช่างใหม่ก็ไม่แน่ใจ
ตัดแย่มา ต้องทนอยู่จนกว่าผมจะยาวอีกรอบ
นรกนะ

ให้อารมณ์คล้ายๆกัน


วันนี้ป้ากลับมาแล้ว
ใครที่ยังไม่รู้ ลองแวะไปร้านป้าได้นะครับ
ไปกินมาแล้ว


"แพงเหมือนเดิม"


ผมนั่งคุยกับป้าต่ออีกนานสองนาน
ป้าเล่าเรื่องให้ฟังอีกเยอะ
เยอะจนไม่รู้ว่า
ร้านข้าวร้านเล็กๆ
จะมีเรื่องราวให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
ได้แวะเข้ามาฟังอดีตได้มากขนาดนี้

นั่งฟังป้าพูดไป
ก็เหมือนเห็นบางแสนตั้งแต่เด็กๆ
จนตอนนี้โตเป็นนักธุรกิจ
ปลูกคอนโดร่ำรวยเต็มไปหมด

ไม่รู้ว่าร้านป้าจะอยู่อีกนานไหม

วันนี้ยังเห็นร้านป้าอยู่ตรงนี้
พรุ่งนี้ร้านป้าอาจโดนคอนโดหล่นมาทับแล้วก็ได้

โลกมันหมุนเร็ว จนบางครั้งทรงตัวไม่อยู่


คิดถึงป้าเอ็กซ์


ร้านข้าวแกงที่แพงที่สุดในโลก

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ม.บูรพา แนะนำน้องใหม่ เรื่องการใช้ชีวิตหลักๆที่น้องๆควรรู้เมื่อเข้ามาเรียน

           สวัสดีเคริ้บบบ พี่เป็นนิสิต ม.บูรพา วิทยาเขต บางแสน รหัส 53 ฮะ
นี่ตั้งใจเปิดบล็อกมาเพื่อแนะนำน้องๆที่สนใจเรียน ม.บูรพา โดยเฉพาะเลยนะเนี่ย ^ ^

ต้องบอกก่อนนะฮะ ว่าพี่เป็นคนชลบุรี เรียนมาตั้งแต่ อนุบาล ยัน ม. 6 ก็ติดแหง่กอยู่ที่ชลบุรีเนี่ยแหละ(ตอนมัธยมพี่เรียน ชลกันยานุกูล หรือ ชลหญิง นั่นแหละ) พอจบ ม.6 เลยอยากไปเรียนไกลๆๆๆๆ เบื่อชลบุรีแล้วว้อยยยยยยยย ขอบอกว่า ม.บูรพา นี่ไม่เคยอยู่ในหัวพี่เลยนะ แต่แล้วมะแอ้งงงง ยังก๊ะบร๊ะเจ้ากลั่นแกล้ง โดนพี่สาวไซโคให้มาอยู่ ม.บูซะงั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า "อยู่คนละที่เปลืองตังแม่" (เออ กรูวววว ยอมมมม)

แต่ต้องขอบคุณพี่สาวพี่ที่ปูทางไว้ให้ มันย้ายมาหลายหอจนเจอหอที่ดี พี่เลยได้อยู่อย่างสบาย ฮ่าๆๆ

เอาหล่ะ เข้าเรื่องนะ สิ่งที่น้องๆควรรู้คือ

หอใน
เมื่อก่อนตอนพี่อยู่ มันจะมีหอหญิงล้วนคือ


  • หอ๑๕
  • หอ๕๐
  • หอเทาทอง2


ส่วนหอชายมีหอเดียวคือ หอ14


ซึ่งทุกหอที่กล่าวมานี้ ไม่มีแอร์!!!

ที่สำคัญ หอ๕๐ นี้น้องๆต้องอยู่ร่วมกันถึง 7 คน และ ห้อง-น้ำ-รวม ต้องเดินออกมาที่ระเบียง แล้วคิดสภาพตอนดึกๆที่ปวดขรี้ดิ ไม่อยากนึกภาพ ส่วนใครได้หอเทาทองก็ดีไป เพราะมีห้องน้ำในห้อง และอยู่แค่ 4 คน เป็นเตียงแบบ 2 ชั้น 2 เตียง ตู้เสื้อผ้าอีกคนละตู้ และมีโต๊ะเขียนหนังสือให้อีกคนละโต๊ะ ข้างใต้หอก็มีโทรทัศน์ให้ดู มีคอมให้เล่นหลายเครื่อง มีโต๊ะให้นั่งอ่านหนังสือ บรรยากาศโอเค คนเดินผ่านไปมา เข้าออกตลอด ไม่เหงาจ้ะบอกเลยยยย อ้อ!! เมื่อเข้าหอแล้ว ห้ามออกหลัง 4 ทุ่มครึ่งนะ แมร่งปิดรั้วทันที แถมป้ายามยังเฝ้าตลอดด้วย โหดยิ่งกว่าเคอฟิว ส่วนใครไปเที่ยวเพลิน จะเข้าหลังรั้วปิดต้องลงชื่อ+โชว์บัตรหอด้วยนะ (ที่เล่าเรื่องหอเทาทองได้ละเอียดเพราะว่าเมื่อก่อนไปอยู่หอเพื่อนบ่อย ชอบเนียนไปนอนด้วยจนป้ายามคิดว่าเป็นเด็กหอในไปละ)

ต่อมาก็สร้างเพิ่มอีกหอนึง ชื่อ เทาทอง3 ที่สำคัญ!! มี "แอร์" ใช่ๆๆๆ มองเห็นไม่ผิด มันมีแอร์จ้าาาา แต่อันนี้รู้สึกจะเป็นหอรวมรึเปล่าก็ไม่รู้นะ (เคยเห็นผู้ชาย เข้า-ออก บ่อยอยู่ช่วงนึง แต่ไม่แน่ใจว่าช่วงนั้นมันมีงานอะไรรึเปล่า)

ล่าสุดนี่สร้างใหม่ไม่รู้เสร็จยัง ได้ยินข่าวมาว่าเป็นหอ 15 ชั้นมั้ง มีลิฟท์โด้ยยยย

หอในนี่คิดราคาเป็นเทอม ย้ำอีกที คิดเป็น "เทอม"นะ ไม่ได้คิดเป็นเดือน ถูกโคตรๆ ถูกชิพหรายยย

 เทอมละ 6500 บาทมั้ง ประมาณนี้แหละ (อันนี้ราคาของเทาทอง2นะ) เหมารวมค่าน้ำไฟละ คือถูกโคตร เอาจริงๆ สภาพก็น่าอยู่ ระบบรักษาความปลอดภัยก็ดี แต่ต้องจองไวๆนะ เพราะเวลาเปิดจองหอที คิวยาวตั้งแต่ 6 โมงเช้า บางคนจองไม่ทันก็อดไป คือแมร่งโคตรเปิดประสบการณ์ใหม่ของคำว่าเด็กหออ่ะ คือน้องต้องลองอยู่หอในสักปีนึง ถ้าไม่ชอบค่อยย้ายไปอยู่หอนอก แต่พี่อยากให้อยู่ เพราะน้องจะได้เพื่อนเยอะมากกกกกกกก และประหยัดตังเยอะมากกกกกกกก ที่สำคัญ บรรยากาศมันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด อบอุ่นสุดๆ


ส่วนเรื่องที่พักข้างนอกมอนี่ มันจะมีอยู่ 3 ประเภท
1. หอ
2. คอนโด
3. บ้านเช่า

บ้านเช่านี่ จะหาว่างๆยากหน่อย และราคาค่อนข้างสูง ประมาณเดือนละ 10,000 คือน้องต้องหาคนแชร์ให้มากๆ ไม่งั้นไม่คุ้มจ้ะ แต่เรื่องระบบรักษาความปลอดภัย น้องต้องทำใจไว้ด้วย เพราะส่วนใหญ่มันไม่มียามมาเฝ้าให้ 24 ชั่วโมง


ทีนี้มาพูดถึงเรื่องหอนอกกันบ้าง

ถ้าเป็นหอพัดลมจะราคาไม่เกิน 3000
ถ้ามีแอร์จะราคาอยู่ที่ 4200 - 4900
ถ้าเป็นคอนโดจะอยู่ที่ 5500 - 7000

ค่าไฟหอ = หน่วยละ 8-9 บาท
ค่าไฟคอนโด = หน่วยละ 4 บาทกว่า

ถ้าใครเป็นพวกใช้ชีวิตติดแอร์ พี่แนะนำให้หาคอนโดอยู่ครับ ถัวเฉลี่ยกันแล้วก็จะประหยัดค่าไฟได้ มากกกกกก ส่วนใครไม่ค่อยเปิดแอร์ ก็ไม่ต้องอยู่คอนโดนะ หอดีๆมีเยอะแยะครับ ถ้าให้พี่แนะนำก็ สิมิลันแมนชั่นครับ (ที่ยอดรถเยอะ หอสะอาด สวยงาม ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมพี่สัมผัสมาแล้ว ราคาอยู่ที่เดือนละประมาณ 5000 ครับ ห้องกว้าง เตียงใหญ่ ห้องน้ำใหญ่ด้วย กว้างด้วย สวยด้วย หูยยย บรรยายไม่หมดครับ มันดีจริงๆ แต่จองยากหน่อยนะ ถ้าไปจองช่วงใกล้เปิดเทอมเนี่ย เต็มทุกที่ครับ อ้อ...แต่เสียค่าอินเตอร์เน็ตแยกนะครับ ไม่ฟรีนะจ๊ะ เดือนละ 300 จ้ะ )

ส่วนใครอยากทำอาหาร พี่แนะนำ The idol condo และ Blue Ocean ราคาอย่างถูกเลยก็ประมาณเดือนละ 6500 ครับ ทำอาหารได้


ส่วนการใช้ชีวิตที่นี่ แนะนำให้น้องๆพกรถมอไซค์มาครับ ขับสวี๊ดสว๊าดไปหาไรกิน ไปเที่ยว ไปทะเล ไปภูเขา ไปดูลิง ไปตลาด ไปร้านนม ไปวอล์กกิ้งสตรีท ไปดูหนัง ไปเรียน ใช้มอไซค์ชีวิตเฟี้ยวกว่าเยอะ อย่าเอารถยนต์มาเลย ที่นี่แมร่งไม่ใช่ที่สำหรับรถยนต์ครับ นี่พูดจริงๆนะ เรื่องที่จอดนี่ลืมไปได้เลย มันมีน้อยมากจริงๆ ถนนก็แคบ เค้าทำไว้สำหรับมอไซค์ครับ นาทีนี้ต้องมอไซค์เท่านั้น มอไซต์ only เชื่อพี่สิ

ส่วนเรื่องเข็มขัด และ ติ้งที่ห้อยตรงปกคอเสื้อนะครับ เราจะแบ่งเป็นสีตามชั้นปีครับ มีสี เขียวขาว น้ำเงินเหลืง แดงขาว น้ำเงินขาว โดยจะวนไปเรื่อยๆ เช่น ปีนี้ ติ้งเขียว-ขาว เป็นปีสี่ ปีหน้าติ้งขาวเขียวก็จะเป็นสีประจำของปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ครับ งง ป่ะ? มันจะวนไปเรื่อยๆ

เวลาน้องใหม่เข้ามาตอนรับน้องพวกสต๊าฟจะบอกให้ปี 1 สังเกต ที่ติ้ง กับหัวเข็มขัดครับ ใครสีต่างจากตัวเองให้ยกมือไหว้แมร่งให้หมดครับ มันเป็นธรรมเนียมตอนรับน้องครับ 5555555 แต่อันที่จริง ธรรมเนียมรับน้องมันมีขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องนะ น้องลองนึกดูนะครับ ถ้าเราไหว้พี่ พี่เค้าก็จะเอ็นดูเรา เจอหน้าบ่อยๆ ทักทายบ่อยๆ จำหน้ากันได้สานสัมพันธ์ต่อ เผื่ออนาคตเราต้องการความช่วยเหลือ เราก็จะมีคนให้นึกถึงเยอะแยะเลยครับ เพราะฉะนั้น ทำความรู้จักันไว้ทุกคนดีกว่าเนอะ อย่างน้อยก็ยิ้มไว้ก่อน โอ้วเย้!!! ^^ (แต่จริงๆไม่ต้องถึงกับดูหัวเข็มขัดหรอก แค่เห็นหน้าแก่ๆ เดินมาเชิดๆมั่นๆ แต่งหน้าหนาโบ๊ะนี่ก็รู้ละ Oops!!! 555555555)


ส่วนค่าเทอมก็จะมีค่่าบำรุงคณะทั่วๆไป รวมๆแล้ว ภาคปกติจะประมาณ 4000 ครับ ส่วนค่าหน่วยกิตก็หน่วยละ 100 ถูกๆ วิชาละ 300 บาทเอง แต่ถ้าเป็นภาถพิเศษนี่ดรอปทีมีอวกนะครับ เพราะหน่วยกิตละ 300 บาท วิชานึงมี 3 หน่วยกิต จ่ายขี้แตกครับ วิชาละ 900 เทอมนึงเรียนไม่ต่ำกว่า 5 วิชา พี่บอกเลย ดรอปทีน้องกระอักเลือดแน่ๆ เพราะฉะนั้น ตั้งใจเรียนนะครับ


หลักๆก็ประมาณนี้แหละมั๊ง

อ่านมาถึงตอนนี้ แล้ว อยากเรียน ม.บูรพา กันมากขึ้นรึเปล่าครับ? ^^
เรื่องดีๆยังมีอีกเพียบนะ คราวหน้ามาต่อกันเรื่องที่เที่ยว ที่สังสรรค์ และชีวิตกลางคืนของเด็ก ม.บู กัน